• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 19 เมษายน 2562

    19 เมษายน 2562 | Economic News

· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่ามาแถว 97.42 จุด จากระดับบริเวณ 96.90 จุดวานนี้ ทางด้านค่าเงินเยนแข็งค่าเล็กน้อยมาที่ 111.97 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 111.20 เยน/ดอลลาร์ ทางด้านค่าเงินยูโรร่วงลงมาแถว 1.1240 ดอลลาร์/ยูโร จากแถว 1.1296 ดอลลาร์/ยูโร



ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นจากข้อมูลยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่ง เป็นผลจากภาคครัวเรือนที่มีการเข้าซื้อในกลุ่มยานยนต์และสินค้าต่างๆเพิ่มขึ้น รวมทั้งข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ยังอยู่ระดับต่ำในรอบ 49 ปีครึ่ง และเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ถึงภาวการณ์ขยายตัวที่ดีขึ้น หลังจากที่ไตรมาสแรกเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มต้นได้ไม่สดใสนัก ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของยูโรโซน นำโดยข้อมูลภาคกรผลิตของเยอรมนีที่หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนเม.ย. และข้อมูลการผลิตของฝรั่งเศสที่อ่อนแอ




· ข้อมูลยอดค้าปลีกสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเกินคาดอย่างมากในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวมากที่สุดตั้งแต่ช่วงปลายปี 2017 โดยได้รับอานิสงส์หลักจากค่าใช้จ่ายในกลุ่มยานยนต์, แก๊สโซลีน, เฟอร์นิเจอร์ และเสื้อผ้า



· นักวิเคราะห์จาก BMO ระบุว่า การดีดกลับในเรื่องการอุปโภคบริโภคดูจะสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในภาคเศรษฐกิจหลังจากที่แกว่งตัวแดนลบเมื่อเดือนที่แล้ว และการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอาจช่วยหนุนเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 2 ได้



· จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ยังคงปรับตัวลงอยู่ในเกณฑ์ต่ำสุดรอบกว่า 49 ปีครึ่งในสัปดาห์ที่แล้ว จึงยังบ่งชี้ถึงภาวะความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ โดยข้อมูลล่าสุดออกมาดีขึ้นเกินคาดและมีคนว่างงานลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 192,000 รายซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ก.ย. ปี 1969 และโดยภาพรวมจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์อ่อนตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5

· รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่ของอเมริกาเหนือ (เม็กซิโก-แคนาดา และสหรัฐฯ) อาจช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯได้ โดยเฉพาะการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ แต่ก็อาจจำกัดชิ้นส่วนยานยนต์บางประเภทได้ และจำกัดการเลือกรถยนต์ของกลกลุ่มผู้บริโภค โดยในรายงานของคณะกรรมาธิการกำกับดูแลด้านการค้าต่างประเทศ เผยว่า จีดีพีสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้นได้ 0.35% หรือเป็นมูลค่า 6.85 หมื่นล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับข้อตกลง NAFTA ฉบับเก่า และอาจทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 176,000 ตำแหน่ง รวมทั้งหนุนยอดส่งออกสหรัฐฯให้ฟื้นตัว

· รายงานการสืบสวนคดีการแทรกแซงการเลือกตั้งโดยรัสเซียกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สืบสวนโดยนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ อดีตผู้อำนวยการ FBI ได้รับการเปิดเผยออกสู่สาธารณะในคืนที่ผ่านมา โดยในรายงานได้มีการกล่าวถึงความดำเนินการของนายทรัมป์ที่ดูเหมือนจะมีจุดประสงค์เพื่อขัดขวางการสืบสวน ส่งผลให้เกิดคำถามตามมาว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้กระทำความผิดฐานขัดขวางกระบวนการยุติธรรมหรือไม่

ทางฝั่งเดโมแครตได้กล่าวว่า รายงานดังกล่าวเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่านายทรัมป์ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม และอาจผลักดันในเกิดการสอบสวนโดยสภาคองเกรสได้ แต่ยังไม่มีสัญญาณว่าพวกเขาจะดำเนินการยื่นฟ้องร้องเพื่อพยายามปลดนายทรัมป์ออกจากตำแหน่งเร็วๆนี้แต่อย่างใด



อย่างไรก็ตาม ทางนายมูลเลอร์ได้กล่าวสรุปในรายงานไว้ว่า ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนมากพอ ว่านายทรัมป์ได้สมรู้ร่วมคิดกระทำความผิดร่วมกับรัสเซียจริง


· หลังจากข้อมูลจีดีพีจีนล่าสุดที่ออกมาดีขึ้นเกินคาด ก็ได้ส่งผลให้บรรดาธนาคารรายใหญ่เริ่มมีการปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนในปีนี้อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นนักเศรษฐศาสตร์จาก Barclays, ING และ Citi ที่ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจจีนปีนี้สู่ 6.5% จากเดิม 6.2%

ขณะที่ทาง JP Morgan, Standard Chartered และ DBS ยังคงคาดการณ์เดิมแถว 6.4% โดย J.P Morgan เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 2 และ 3 จะยังขับเคลื่อนได้อย่างต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มที่จะเห็นสัญญาณทางเศรษฐกิจอ่อนตัวลงในช่วงปลายปีได้

· ข้อมูลเงินเฟ้อญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือนมี.ค.เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ภาพรวมก็ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 2% จึงมีแนวโน้มที่จะเห็นบีโอเจยังคงนโยบาย โดยดัชนี Core CPI ออกมาที่ 0.8% จากเดิมที่ 0.7% ขณะที่ในปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจญี่ปุ่นเผชิญกับปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของญี่ปุ่น จึงทำให้มาตรการจากทางบีโอเจดูจะดำเนินการได้ยากลำบากขึ้น

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นท่ามกลางการส่งออกน้ำมันที่ปรับตัวลงจากกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ อาทิ ซาอุดิอาระเบีย และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวลงจึงเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนราคาในเวลานี้ แต่ภาพรวมราคาน้ำมันก็ดูจะเคลื่อนไหวแคบๆในกรอบ จากการแข็งค่าของดอลลาร์และการฟื้นตัวของตลาดหุ้น


น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 24 เซนต์ ที่ 64 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 35 เซนต์ หรือปิด +0.5% ที่ 71.97 เหรียญ/บาร์เรล หลังไปทำระดับสูงสุดรอบ 5 เดือนในคืนวันพุธที่ 72.27 เหรียญ/บาร์เรล

· รายงานจาก Reuters ระบุว่า นายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา มีการดำเนินธุรกิจร่วมกับ Rosneft รัฐวิสาหกิจน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรของสหรัฐฯที่มีจุดประสงค์เพื่อกดดันให้นายมาดูโรออกจากตำแหน่ง เนื่องจากสหรัฐฯมองว่าเวเนซุเอลาถูกปกครองแบบเผด็จการ

ทั้งนี้ เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลของนายมาดูโรได้มีการเจรจาร่วมกับตัวแทนจากรัสเซีย และทางรัสเซียก็มีความเห็นว่าการคว่ำบาตรของสหรัฐฯเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมายและรัสเซียจะร่วมมือกับเวเนซุเอลาเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากการคว่ำบาตร




Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com