• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 26 มีนาคม 2562

    26 มีนาคม 2562 | Economic News


· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ธ.ค.ปี 2017 เมื่อวานนี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนในตราสารหนี้ที่ยังคงกังวลต่อภาวการณ์ขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก ประกอบกับความเป็นไปได้ที่จะเห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว



นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลต่อสัญญาณ Yield Curve ในตลาด หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 3 เดือนปรับขึ้นเหนืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี โดยเป็นครั้งแรกที่อัตราผลตอบแทนระยะสั้นอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนระยะยาว จึงทำให้เกิดคามกังวลว่านี่อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงภาวะถดถอย

• อัตราผลตอบแทนอายุ 10 ปี ปรับลงมาแตะระดับ 2.388% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ ธ.ค. ปี 2017 ขณะที่อัตราผลตอบแทน 2 ปี ปรับลงแตะ 2.233% และอัตราผลตอบแทนอายุ 3 เดือน ปรับตัวขึ้นมาที่ 2.454%





ภาวะผกผันที่ปรากฏ เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่เฟดได้ตัดสินใจปรับลดคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ พร้อมกับมีแผนจะยุติการปรับลดยอดงบดุลในพอร์ตของเฟด ในการประชุมล่าสุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา



· ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นจากข้อมูลความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีออกมาดีขึ้นเกินคาด แต่ภาพรวมตลาดการเงินก็ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจจึงทำให้ค่าเงินเยนมีการแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์



· ตลาดการเงินเผชิญกับภาวะความกังวลมากขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ หลังจากที่ Yield Curve ของสหรัฐฯ และประเด็นดังกล่าวได้กดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงด้วยเช่นกัน และทำให้สินทรัพย์อย่างค่าเงินเยนและทองคำขยับสูงขึ้น เนื่องจากภาวะ Inversion ในผลตอบแทนพันธบัตรที่เกิดขึ้นมักจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะถดถอยมาตลอด 50 ปีที่ผ่านมา



สถาบัน IFO ของเยอรมนี เผยผลสำรวจภาคธุรกิจในเยอรมนี พบว่า ปรับตัวขึ้นเกินคาดแตะระดับ 99.6 จุด ซึ่งการปรับขึ้นครั้งนี้ถือเป็นการหยุดการร่วงลงติดต่อกันมาโดยตลอด 6 เดือน รวมทั้งหนุนให้หุ้นยุโรปและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีปรับตัวสูงขึ้น



ค่าเงินยูโรขยับขึ้นตาม 0.2% ทำระดับสูงสุดที่ 1.13315 ดอลลาร์/ยูโร



ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าลงมาทำระดับสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ที่ 109.7 เยน/ดอลลาร์ ก่อนจะทรงตัวแถว 109.935เยน/ดอลลาร์ ดัชนีดอลลาร์ปรับลงมาที่ 96.517 จุด จากระดับ 96.6 จุดวานนี้



· นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานเฟด กล่าวเมื่อวานนี้ว่า สัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยล่าสุดอันมาจากตลาดพันธบัตรนั้นอาจเป็นสัญญาณถึงเฟดที่จำเป็นต้องทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อไม่ให้ภาวะเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะขาลง



และเมื่อพิจารณาตามจริงจะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีการชะลอตัว จากจีดีพีที่ขยายตัวได้ 3.1% ในปีที่แล้ว ขณะที่บรรดาสมาชิกเฟดล่าสุดมีการปรับแนวโน้มการขยายตัวลงมาสู่ 2.1% ในปีนี้ แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นสถานการณ์วิกฤตใดๆ เนื่องจากระดับการชะลอตัวที่เกิดขึ้นก็ยังไม่ได้ส่งผลว่าจะเข้าสูภาวะถดถอยในเวลานี้

· นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวว่า เฟดอาจพิจารณาเพิ่มสัดส่วนการถือครองพันธบัตรระยะสั้น เพื่อเป็นทางเลือกให้เฟดสามารถใช้บริหารความเสี่ยงในกรณีที่เศรษฐกิจสหรัฐฯเกิดถดถอยลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ส่วนเรื่องของอัตราดอกเบี้ย นายโรเซนเกรน มองว่า มีความเป็นไปได้ที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0% ระหว่างที่เกิดภาวะถดถอยของเศรษฐกิจ การเข้าซื้อพันธบัตรจึงจะกลายเป็นทางเลือกที่จะช่วยรองรับเศรษฐกิจได้



ทั้งนี้ นายโรเซนเกรน ถือเป็นประธานเฟดสาขาย่อยรายที่ 3 ที่มีการกล่าวถึงตัวเลือกในการเข้าซื้อพันธบัตร ก่อนหน้านี้ประธานเฟดสาขาชิคาโก กับฟิลาเดลเฟีย ก็ได้มีการกล่าวถึงการเพิ่มสัดส่วนพันธบัตรระยะสั้นเพื่อช่วยเศรษฐกิจในภาวะวิกฤติเช่นเดียวกัน



· รัฐสภาอังกฤษในคืนที่ผ่านมา มีมติโหวตผ่านร่างนโยบายที่จะช่วงชิงอำนาจในการบริหารนโยบาย Brexit ออกจากรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี คืนให้แก่รัฐสภา ด้วยคะแนนเสียง 329 ต่อ 302

การโหวตผ่านร่างนโยบายดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลของนายกฯไม่มีอำนาจที่จะสามารถผลักดัน Brexit ต่อไปได้ และรัฐสภาจะขึ้นมามีสิทธิกำหนดช่วงเวลาของการโต้วาทีและการลงมติครั้งต่อๆไปเกี่ยวกับทางเลือกของ Brexit ได้แทน ซึ่งในคืนวันพุธนี้ รัฐสภามีกำหนดการจะลงมติเกี่ยวกับทางเลือกอื่นๆของ Brexit 

ขณะที่รายงานจาก Reuters ระบุว่า นโยบายชิงอำนาจ Brexit คืนจากนายกฯจะมีผลบังคับใช้เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น เพื่อให้รัฐสภาสามารถกำหนดวันที่จะจัดการลงมติครั้งต่อไป เพื่อเร่งให้ Brexit พ้นจากภาวะยืดเยื้อโดยเร็วที่สุด

     

· ราคาน้ำมันดิบปิดผสมผสานกันเมื่อวานนี้ ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่ตลาดก็ยังมีแรงหนุนบางส่วนจากความตึงตัวของภาวะอุปทานในตลาด และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯทที่ปรับตัวลง โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 23 เซนต์ ที่ระดับ 67.26 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 0.4% ที่ 58.82 เหรียญ/บาร์เรล


Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com