MTS Help Center

· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนในฐานะ Safe-Haven จากข้อมูลภาคการผลิตสหรัฐฯที่ออกมาแย่ จึงจุดประกายความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ควบคู่กับสัญญาณของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ยิ่งตอกย้ำถึงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว



แต่ภาพรวมค่าเงินดอลลาร์ก็ยังมีแรงหนุนและแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร จากการที่ข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนออกมาแย่กว่าที่คาด โดยเฉพาะข้อมูลของเยอรมนีที่ยิ่งตอกย้ำถึงภาวะชะลอตัว



ในวันศุกร์ที่ผ่านมาสเปรดระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 3 เดือน และ 10 ปี มีการเคลื่อนไหวกลับด้านกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 หลังจากที่ดัชนี PMI ออกมาน่าผิดหวัง ขณะที่การผกผันดังกล่าวถือเป็นสัญญาณของภาวะเศรษฐกิจถดถอย



· หัวหน้านักวิเคราะห์จาก SEI Investments Co กล่าวว่า และนี่ถือเป็นเรื่องจริงจังที่จะเห็นถึงสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ หรือออาจเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในอีก 12 – 18 เดือนข้างหน้า และสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่เฟดจับตาอย่างใกล้ชิด



· ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 96.634 จุด โดยรีบาวน์กลับหลังจากที่อ่อนค่าลงไปแตะ 96.3 จุด ทางด้านค่าเงินเยนยังคงมีแรงหนุนในฐานะ Safe-Haven และมีการแข็งค่าลงมาทรงตัวบริเวณ 110.11 เยน/ดอลลาร์ หลังในคืนวันศุกร์ปิดที่ 110.6 เยน/ดอลลาร์



· เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯมีกำหนดจะเดินทางเยือนจีนในช่วงปลายสัปดาห์นี้ เพื่อกลับสู่การเจรจาทางการค้าร่วมกับทางจีนอีกครั้ง



จีนและสหรัฐฯถูกคาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ในช่วงเดือนเม.ย. แต่ก็ยังคงมีความไม่แน่นอนและไม่ยอมกันทางการค้าอยู่ของระหว่าง 2 ประเทศ ที่กดดันความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนส่วนใหญ่มาตลอดปี 2018



· ประธานและผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาจาก Asia Group รวมทั้งเคยเป็นอดีตนักการทูตของสหรัฐฯ กล่าวกับสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่า สหรัฐฯและจีนอาจบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ แต่ก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้ ในระยะยาว แต่ภาพรวมทั้งสองประเทศก็พยายามเจรจาหาข้อตกลงทางการค้าเพื่อลดข้อแตกต่างในประเด็นการส่งผ่านข้อมูลทางเทคโนโลยีจากบริษัทสหรัฐฯสู่จีน และดูเหมือนทั้งสองฝ่ายกลังพยายามหาสิทธิประโยชน์ที่ดีที่สุดสำหรับประเทศของตน ดังนั้นภายในอีก 4-6 สัปดาห์ข้างหน้าน่าจะมีการเห็นข้อตกลงระหว่างกัน



· นายไมเคิล บาร์ อัยการสูงสุดแห่งสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานการสืบสวนกรณีความเกี่ยวข้องระหว่างรัสเซียและการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 ที่สืบสวนโดยนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ ให้แก่สภาคองเกรส เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม อัยการสูงสุดได้ระบุว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะสามารถฟ้องร้องนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งในกรณีแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หรือการมีส่วนรู้เห็นกับการแทรกแซงการเลือกตั้งโดยรัสเซีย

ทางด้านนายทรัมป์ หลังจากได้รับรายงานดังกล่าว ได้ประกาศว่าตนเองได้พ้นจากข้อกล่าวหาโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม ในรายงานได้ระบุว่าไว้ แม้จะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่านายทรัมป์ลงมือกระทำความผิดจริงหรือไม่ แต่นายทรัมป์ก็ยังคงไม่พ้นข้อกล่าวหาดังกล่าว


· นายฟิลลิป แฮมมอน รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของอังกฤษ กล่าวว่า อังกฤษจำเป็นต้องหาวิธีออกจากอียู แต่ความพยายามของนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษที่พยายามเปลี่ยนแปลงขอ้เสนอก็ดูจะยังไม่ช่วยอะไร

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงไปกว่า 1% อันเป็นผลมาจากยอดส่งออกน้ำมันปี 2019 ที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ให้ความสนใจไปยังประเด็นความคืบหน้าทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ประกอบกับสัญญาณการชะลอตัวของภาคการผลิตจากเยอรมนี และสหรัฐฯ ที่จุดประกายความกังวลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงไปกว่า 1% หลังข้อมูล PMI ของยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ในเดือนมี.ค. ออกมาแย่กว่าที่คาด สะท้อนถึงผลกระทบที่ได้รับจากความตึงเครียดทางการค้าหรือ Trade War ที่กระทบต่อผลผลิตภาคอุตสาหกรรม จึงบั่นทอนความคาดหวังที่ว่าเศรษฐกิจโลกจะหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวได้



สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิด -1.3% ที่ 66.96 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากคืนวันพฤหัสบดีไปทำระดับสูงสุดรอบ 4 เดือนที่ 68.69 เหรียญ/บาร์เรล ภาพรวมราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นได้ประมาณ 20% ตั้งแต่เริ่มต้นเดือนม.ค. โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากข้อตกลงกลุ่มโอเปกและนอกโอเปก รวมถึงประเด็นที่สหรัฐฯมีการคว่ำบาตรอิหร่านและเวเนซุเอลา



สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิด -1.6% ที่ 59.04 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่วันพฤหัสบดีไปทำ High สูงสุดของปีนี้ที่ 60.39 เหรียญ/บาร์เรล



· ประธานจาก Ritterbush and Associates กล่าวว่า ข้อมูล PMI ที่ออกมาน่าผิดหวังของเยอรมนีแลฝรั่งเศสได้ช่วยหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร แต่ในเวลาเดียวกันก็กดดันความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกด้วยเช่นกัน