ราคาทองคำปรับสูงขึ้น 0.4% บริเวณ 1,301.58 เหรียญ หลังจากปรับลดลงเกือบ 1% เมื่อวานนี้ สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์มีโอกาสปิดในแดนบวกได้เล็กน้อย
ด้านราคาสัญญาทองคำ COMEX ปรับสูงขึ้น 0.5% แถว 1,301.40 เหรียญ
· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.1% เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ และมีโอกาสปิดตลาดสัปดาห์นี้ในแดนลบ ด้วยอัตราที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว
· นักวิเคราะห์จาก Kedia Commodities ระบุว่า ราคาทองคำมีแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและการเข้าซื้อทองคำในฐานะ Safe-haven จากความกังวลทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็น Brexit หากราคาสามารถยืนเหนือระดับ 1,290 เหรียญได้ จะมีโอกาสกลับขึ้นไปบริเวณ 1,302 เหรียญ และจากนั้นที่ 1,310 เหรียญ ซึ่งแนวรับที่ 1,290 เหรียญ น่าจะสามารถรองรับได้อยู่ ตราบใดที่ตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับ Brexit
· รัฐสภาอังกฤษมีมติให้เลื่อนกำหนดการ Brexit ออกไป เพื่อให้นายกรัฐมนตรีนำข้อตกลงไปปรับปรุง ก่อนที่จะนำข้อตกลงมาทำการลงมติอีกครั้ง ภายในสัปดาห์หน้า
· นักวิเคราะห์ยังกล่าวอีกว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนความต้องการในทองคำ คือสัญญาณของการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
· บีโอเจมีมติปรับลดมุมมองต่อเศรษฐกิจต่างประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจเหล่านั้นเริ่มส่งสัญญาณของการชะลอตัว และทางบีโอเจยังได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของการส่งออกและการผลิตในประเทศอีกด้วย
· ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์จาก GoldSilver Central ระบุว่า ถ้อยแถลงของนายหลี่ เคอะเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ที่กล่าวว่า รัฐบาลจีนจะยังคงสนับสนุนเศรษฐกิจที่เผชิญกับแรงกดดันในการขยายตัว เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับการชะลอตัว จึงเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยราคาทองคำในวันนี้
· จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อคืน พบว่าผู้ขอรับสวัสดิการมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่ชะลอตัวลงมากกว่าที่คาด จึงเป็นอีกสัญญาณที่บ่งชี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
· นายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กล่าวว่า การพบกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯและจีนจะยังไม่เกิดขึ้นในช่วงสิ้นเดือนนี้ ขณะที่การเจรจาระหว่างสองประเทศยังคงดำเนินต่อไป
· ด้านราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้น 0.2% บริเวณ 1,560.47 เหรียญ และมีโอกาสปิดตลาดสัปดาห์นี้สูงขึ้นได้ 3%
ด้านราคาซิลเวอร์ปรับสูงขึ้น 1% แถว 15.35 เหรียญ และราคาแพลทินั่มปรับสูงขึ้น 1.4% บริเวณ 829.69 เหรียญ