• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2561

    12 ธันวาคม 2561 | Economic News
• ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยได้รับแรงหนุนจากการรีบาวน์ของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และการอ่อนค่าของค่าเงินปอนด์ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของ Brexit ที่ดำเนินต่อไป

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯดีดกลับจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 97.420 จุด หลังจากที่เมื่อคืนไปทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 13 พ.ย. ที่ 97.545 จุด

ค่าเงินปอนด์ถูกกดดันจากรายงานที่ว่า นางเมย์ จะถูกรัฐสภาเปิดโหวตไม่ไว้วางใจ จึงทำให้ค่าเงินปอนด์ร่วงไปทำต่ำสุด 1.2495 ดอลลาร์/ปอนด์ ก่อนจะทรงตัวที่ 1.2495 ดอลลาร์/ปอนด์ ขณะที่ภาพรวมสัปดาห์นี้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าไปแล้ว 1.8%

ค่าเงินยูโรขยับขึ้นที่ 1.1333 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่อ่อนตัวลงไป 3%

ทางด้านค่าเงินเยนทรงตัวที่ 113.49 เยน/ดอลลาร์ หลังไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 113.52 เยน/ดอลลาร์

ทางด้านค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นมาที่ 6.886 หยวน/ดอลลาร์ โดยยังคงแข็งค่าขึ้นตอบรับกับข่าวที่ว่าสหรัฐฯและจีนมีการหารือกันเกี่ยวกับเรื่องการค้ามากขึ้

• รายงานจาก Forex Live กล่าวว่า ข้อมูลเงินเฟ้อสัปดาห์นี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญ ท่ามกลางเฟดที่ส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้นที่อาจเปลี่ยนแปลงแนวทางการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเฟด 18-19 ธ.ค.

นักวิเคราะห์มองว่าข้อมูล CPI อาจอ่อนตัวลงเพราะได้รับผลกระทบเชิงลบจากค่าใช้จ่ายพลังงาน และอาจส่งผลปีหน้า

• ข่าวการลงมติไม่ไว้วางใจต่อตัวนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ทำให้ตราสารหนี้ CDS อายุ 5 ปี ปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางเหล่าเทรดเดอร์ที่เลือกถือครองเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะความไม่แน่นอนในตอนนี้

ทั้งนี้ จากประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้ตราสารหนี้ CDS ปรับตัวสูงขึ้นระหว่างวันที่ระดับ 0.45% นับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. หลังจากที่มีการลงคะแนนเสียง Brexit ในปี 2016 ที่ผ่านมา

• ราคาน้ำมันดิบ WTI เคลื่อนไหวใกล้ระดับ 52.00 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาปรับตัวลดลงใกล้ระดับ 49.30 เหรียญ/บาร์เรล จากกระแสคาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่กลุ่มโอเปกลดกำลังการผลิตเหลือเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 1% ท่ามกลางการฟื้นตัวของตลาดหุ้นแบะการปสคาดการณ์การปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกในปี 2019 จะทำให้อุปสงค์และอุปทานมีเสถียรภาพมากขึิ้น

ขณะที่เหล่าเทรดเดอร์ ระบวุ่า บริษัทน้ำมันแห่งชาติลิเบียประกาศ Force Majeure เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อหยุดการส่งออกน้ำมันดิบจาก El Sharara ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเนื่องจากถูกบุกยึดด้วยกองกำลังทหารอาสาสมัคร จึงเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบ

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 1.1% ที่ระดับ 60.86 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.1% เช่นเดียวกันที่ระดับ 52.22 เหรียญ/บาร์เรล

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com