Citibank ประเมินว่า การขึ้นภาษีตอบโต้กันไปมาระหว่างจีนและสหรัฐฯ เปรียบเสมือนการแสดงความเป็นใหญ่ข่มกันและกัน มากกว่าที่จะมาจากความขัดแย้งทางการค้าจริงๆ
Shrikant Bhat หัวหน้าฝ่ายการลงทุนประจำ Citibank สาขาเอเชียแปซิฟิกและยุโรป กล่าวว่า ความขัดแย้งดังกล่าวไม่มีท่าทีที่จะจบลงง่ายๆ เพียงเพราะการประชุมที่จะเกิดขึ้นในวันเสาร์นี้เท่านั้น
ซึ่งเขาหมายถึง การพบกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ที่จะพบกันนอกรอบการประชุม G20 ที่จัดขึ้นในประเทศอาร์เจนติน่า จนถึงวันเสาร์นี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดอาจผ่อนคลายความตึงเครียดเกี่ยวกับ Trade war ได้ หากสหรัฐฯพิจารณาเลื่อนการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจากจีนออกไปจากเดิมที่วางแผนไว้ในเดือน ม.ค. เป็นต้น
ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเอเชียได้ปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางความหวังว่าการพบกันระหว่างทั้ง 2 ผู้นำ จะสามารถช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดเกี่ยวกับ Trade war
ส่วนเมื่อคืนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ ขณะที่พันธบัตรถูกเทขายออกไป เนื่องจากถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ที่กล่าวว่าระดับดอกเบี้ยในปัจจุบันของเฟด เข้าใกล้ระดับมาตรฐาน
โดยนายโพเวลล์ได้กล่าวว่า “อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับต่ำหากเทียบกับในอดีต แต่ก็อยู่ใกล้กับระดับที่คาดการณ์ว่าจะเป็นกลางต่อเศรษฐกิจ ไม่ได้หนุนหรือกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจแต่อย่างใด”
ซึ่งบรรดานักลงทุนบางส่วนได้ประเมินถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นสัญญาณว่าเฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้
ซึ่ง Citibank ก็มองว่าถ้อยแถลงดังกล่าวจะกลายเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดสหรัฐฯในระยะยาว แต่สำหรับ Citibank เองกลับมีมุมมองว่า นายโพเวลล์ ไม่ได้เอนเอียงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งระหว่างการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รวดเร็วยิ่งขึ้นหรือชะลอตัวลง ดังนั้นโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีก 2-3 ครั้ง จึงยังคงมีอยู่ไม่ได้หายไปไหน