• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 12 พฤศจิกายน 2561

    12 พฤศจิกายน 2561 | Economic News
• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่รอบ 16 เดือน ท่ามกลางเหล่าเทรดเดอร์ที่ลดการถือครองยูโรและปอนด์จากความไม่แน่นอนทางการเมืองในการทำให้ข้อตกลง Brexit นั้นเป็นไปอย่างราบรื่น

ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นอีก 0.5% ที่ 97.42 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มิ.ย. ปี 2017 ขณะที่ภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วปรับแข็งค่าขึ้น 0.4%

• ค่าเงินปอนด์ปรับอ่อนค่าลง เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ ท่ามกลางความไม่แน่ใจในตัวของ นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษที่จะสามารถผลักดันให้เกิดข้อตกลงBrexit เพื่อให้ได้รับแรงหนุนจากพรรคของเธอรวมทั้งอียูได้

หุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น แม้ว่าหุ้นเอเชียดูจะเผชิญความเสี่ยงอยู่บ้าง โดยตลาดหุ้นทั่วไปยังคงกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษบกิจโลก โดยเฉพาะจีน

ตลาดหุ้น FTSE ของอังกฤษเปิด +0.8% ขณะที่ DAX ของเยอรมนี และ CAC ของฝรั่เงศสเปิด +0.5 - 0.6%

ขณะเดียวกันสำนักข่าว Independent รายงานว่า นางเมย์ กำลังเผชิญกับการต่อต้านในการผลักดันแผนของเธอเป็นกรณีเร่งด่วนที่จัดประชุมกับคณะรัฐมนตรีในวันนี้เพื่อให้ยอมรับข้อตกลง Brexit

ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลงอีก 1.2877 ดอลลาร์/ปอนด์ และการร่วงลงดังกล่าวได้กดดันยูโรให้ร่วงลงตามมา ท่ามกลางนักลงทุนที่กังวลว่าข้อตกลงดังกล่าวจะยืดเยื้ออกไปในการบรรลุการให้อังกฤษออกจากอียู

• FXStreet มองว่า ค่าเงินยูโรมีโอกาสร่วงลงต่ำกว่า 1.13 ดอลลาร์/ยูโร เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มิ.ย. 2017 ท่ามกลางท่าทีไม่ลงรอยกันทางด้านนโยบายการเงินระหว่างอิตาลีและอียู รวมทั้ง Spread ของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีและเยอรมนี

จากกราฟรายวัน จะพบว่าหลังจากที่ค่าเงินยูโรปรับตัวลงไปทำระดับเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci Retracement 38.2% ของช่วงระหว่างเดือนก.ย./ต.ค. ในกลางสัปดาห์ที่แล้ว จะเห็นว่าภาพของดอลลาร์ปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 23.6% บริเวณ 1.1420 ดอลลาร์/ยูโร

ขณะที่ Indicator ทรงตัวแดนลบ ขณะที่ดัชนี RSI เคลื่ออยู่ด้านล่างระดับ 37 จึงยังกดดันภาวะขาลง

• เงินปอนด์อ่อนค่าลงเปิดแก๊ปในตลาดเอเชีย จับตาประเด็น "Brexit" เป็นสำคัญที่นักลงทุนลดความคาดหวังที่อาจเห็นการเจรจาบรรลุข้อความในพ.ย.ได้

จากการเปิดสัปดาห์นี้นี้ สำหรับภาพรายวันจะเห็นได้ว่ามีการเคลื่อนไหวเป็นทิศทางขาลงโดยดูได้จากระดับสำคัญบริเวณเส้นค่าเฉลี่ยราย 20 DMA ขณะที่เส้น RSI บ่งชี้ในแดนลบ แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังไม่อาจบ่งถึงสภาวะขาลงโดยปราศจากสัญญาณยืนยันได้ ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากกราฟราย 4 ชม. จะค่อนข้างเห็นถึงภาวะขาลงที่แข็งแกร่งมากขึข้น โดยเส้นค่าเฉลี่ย 20 SMA ส่งสัญญาณภาวะขาลงที่แข็งแกร่ง

• รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของจีน ระบุว่า จะทำการศึกษาและประเมินผลกระทบจากการปรับลดภาษี รวมทั้งลดค่าธรรมเนียมสำหรับกลุ่มบริษัทมากขึ้น เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้ส่งออก ท่ามกลางการปรับลดภาษีนำเข้าสำหรับเครื่องจักรและวัตถุดิบ

• หนังสือพิมพ์ China Securities ระุบุว่า รัฐบาลจีนได้ชี้แจงเกี่ยวกับข้อกำหนดเพดานเงินกู้ที่ธนาคารพาณิชย์จะอนุมัติให้กับบริษัทเอกชน หลังจากที่นักลงทุนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารในตลาดหุ้นจีนร่วงลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

• นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนกำลังเปิดกว้างทางเศรษฐกิจมากขึ้นในขณะที่มีการเผชิญภาวะกีดกันนโยบายทางการค้าที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน และในประเด็นนี้ดูเหมือนเขาจะให้ความสำคัญไปยังเรื่องความตึงเครียดทางการค้าในการประชุมผู้นำ Asia-Pacific

• รัฐสภาอังกฤษจะทำการลงมติโหวตความเป็นไปได้ของข้อตกลง Brexit ตามที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษยื่นเสนอ ที่อาจมีการก่อให้เกิดการลงประชามติครั้งใหม่ ซึ่งหากมีการถามความคิดเห็นดังกล่าว โอกาสของนางเมย์ที่จะผลักดันร่างข้อตกลงให้ผ่านรัฐสภาอาจได้รับโหวต "No"

• พรรคฝ่ายค้านอังกฤษ พรือพรรคแรงงาน ระบุว่า หากนางเมย์ ยังล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลง Brexit ก็อาจผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งครั้งใหม่ และเป็นไปได้ที่จะเกิดการลงประชามติครั้งใหม่

• ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 2% ระดับ 71.59 เหรียญ/บาร์เรล จากการที่ซาอุดิอาระเบียวางแผนลดอุปทานน้ำมันสู่ตลาดโลกในเดือนธ.ค.จำนวน 0.5 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นมาตรการที่จะช่วยลดการชะลอตัวของตลาด หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง 20% นับตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.5% ที่ระดับ 61.08 เหรียญ/บาร์เรล

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com