• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2561

    19 ตุลาคม 2561 | Economic News

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นทำระดับสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร หลังจากที่คณะกรรมาธิการอียู ระบุว่า ร่างงบประมาณประจำปี 2019 ของอิตาลี เป็นการละเมิดกฎเกณฑ์งบประมาณของทางอียู และผลที่ตามมาอาจเกิดการปฏิเสธแผนงบประมาณของประเทศสมาชิกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 95.965 จุดในเช้านี้ หลังจากที่เมื่อวานนี้ฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าเหนือระดับสำคัญทางเทคนิคบริเวณ 95.6 จุดได้

ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรร่วงลงมาที่ 1.1455 ดอลลาร์/ยูโร โดยอ่อนค่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์นับตั้งแต่ 9 ต.ค. หลังทราบข่าวดังกล่าว

ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงจากการประชุมสุดยอดผู้นำอียูที่ยังคงล้มเหลวต่อการหาทางแก้ไขข้อตกลง Brexit ที่ยังไม่สามารถลงรอยได้ระหว่างอียูกับอังกฤษ ในประเด็นพรมแดนไอร์แลนด์ โดยค่าเงินปอนด์ร่วงลงไป 0.71% ที่ระดับ 1.302 ดอลลาร์/ปอนด์

• ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของอียู ระบุว่า แผนงบประมาณของอิตาลีดูเป็นภัยคุกคามต่อระบบเสถียรภาพทางการเงินของอียู แต่อียูจะมองหาสิ่งที่เป็นไปได้ในการดำเนินการต่อไป ขณะที่คำถามที่ว่าหากอิตาลีเผชิญวิกฤตเหมือนกรีซที่ก่อให้เกิดวิกฤตระดับหนี้ในยูโรโซนขึ้นมาจะเป็นเช่นไร ผู้อำนวยการคนดังกล่าว ระบุว่า จะพยายามไม่ให้เกิดวิกฤตเหมือนที่เคยเกิดขึ้น

• นายจูเซปเป้ คอนติ นายกรัฐมนตรีอิตาลี ยังคงยืนยันที่จะผลักดันแผนงบประมาณสำหรับปีหน้าต่อไป แม้ว่าจะได้เสียงคัดค้านอย่างรุนแรงจากสหภาพยุโรป ที่ระบุว่าแผนงบประมาณดังกล่าวเป็นการขัดต่อข้อกำหนดทางการเงินของสหภาพยุโรปก็ตาม

นอกจากนี้ นายจูเซปเป้ยังคงเผชิญกับความขัดแย้งภายในรัฐสภาของตนเอง โดยบรรดาคณะรัฐมนตรีอิตาลีมีกำหนดที่จะร่วมประชุมกันอีกครั้งในวันเสาร์นี้ เพื่อหาจุดยืนร่วมกันภายใต้แผนงบประมาณดังกล่าว

• รายงานจากสหภาพยุโรประบุว่า หากความเสี่ยงจากกรณี Brexit ได้สร้างความผันผวนให้กับตลาดอนุพันธ์ ก็มีความเป็นไปได้ที่สหภาพยุโรปจะเข้าแทรกแซงระบบของตลาด พร้อมเตือนว่าตลาดอนุพันธ์อาจเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนักได้ หากการเจรจา Brexit จบลงแบบ No-Deal

• จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯปรับตัวลงใกล้ระดับต่ำสุดช่วงปี 1973 โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงไปอีก 5,000 ราย สู่ระดับ 210,000 ราย จึงยังบ่งชี้ถึงภาวะความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน และเมื่อนำมาประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯก็มีแนวโน้มว่าจะยิ่งสนับสนุนให้เฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเดือนธ.ค.ตามมาได้

• นายแรนดัล ควอเลส สมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด กล่าวว่า เฟดควรขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อไป แต่ต้องเตรียมการชะลอนโยบายคุมเข้มทางการเงินหากว่าประสิทธิผลทางการผลิตของสหรัฐฯมีการ Breakout ออกจากกรอบในรอบหลายปี

• นักวิเคราะห์จาก Rabobank กล่าวว่า เฟดอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะชะลอตัวได้หากยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยให้สูงกว่าระดับปัจจุบัน

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นในเชิงเชื่อว่าการหายตัวไปของ นายจามาล กาช็อกกี ได้เสียชีวิตลงไปแล้ว และการตอบโต้ของสหรัฐฯที่จะมีต่อซาอุดิอาระเบียแนวโน้มจะใช้วิธีการที่รุนแรง แต่เขาก็ต้องการที่จะได้รับการยืนยันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆเสียก่อน

• แหล่งข่าวจากสภาคองเกรส กล่าวว่า หากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งกลางเทอมและได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ก็จะทำให้เกือบทุกรอบด้านของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯนั้นเผชิญหน้ากับการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับภาษีเงินคืนในภาคธุรกิจกับเขา และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับรัสเซีย รวมไปถึงข้อขัดแย้งทางผลประโยชน์ต่างๆ

• ทางการจีนมีการยื่นเอกสารคำร้องเพิ่มเติมต่อทาง WTO เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจสอบความถูกต้องตามกรบวนกฎหมายว่าสหรํฐฯเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมเกิดกว่าที่กำหนดไว้หรือไม่

• ดัชนีราคาผู้บริโภค (Core CPI) ของญี่ปุ่นปรับขึ้นได้ 1.0% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับปีก่อน จึงยังบ่งชี้ถึงภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แม้ว่าระดับเงินเฟ้อจะยังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายที่บีโอเจกำหนดไว้ก็ตาม

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่จะส่งผลต่อการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมัน น้ำมันดิบBrent ปรับลงเกือบ 8 เหรียญ จากระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีบริเวณ 86.74 เหรียญ/บาร์เรลที่ทำไว้เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ท่ามกลางการปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกที่จะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจ

เมื่อคืนนี้น้ำมันดิบ Brent ปิดลง 76 เซนต์ ที่ระดับ 79.29 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลง 1.1 เหรียญ คิดเป็น -1.6% ที่ระดับ 68.65 เหรียญ/บาร์เรล

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com