• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 25 กันยายน 2561

    25 กันยายน 2561 | Economic News
• ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.15% บริเวณ 94.323 จุด ท่ามกลางตลาดที่ยังจับตาดูผลการประชุมของเฟดในคืนวันพุธนี้ ขณะที่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนอยู่

โดยเฟดเริ่มต้นการประชุมประจำเดือนขึ้นในคืนนี้ แต่จะทราบในคืนพรุ่งนี้ ซึ่งตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้เป็นที่แน่นอนแล้ว แต่ตลาดจะจับตาดูสัญญาณของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป ที่น่าจะเกิดขึ้นในเดือน ธ.ค. ขณะที่แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2019 ยังคงไม่มีความชัดเจน

• ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่า 0.05% เมื่อเทียบกับเงินดอลลารืที่บริเวณ 112.86 เยน/ดอลลาร์ หลังรายการการประชุมครั้งที่ผ่านมาของบีโอเจ แสดงให้เห็นว่าบรรดาสมาชิกบอร์ดบริหารเริ่มมีความกังวลที่มากขึ้น เกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบพิเศษ

• ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเล็กน้อยบริเวณ 1.1749 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่แข็งค่าขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1.1815 ดอลลาร์/ยูโร ในช่วงตลาดวานนี้
• วิเคราะห์ค่าเงินยูโรทางเทคนิค : ค่าเงินไม่ผ่านแนวต้านที่ $1.1800 แต่แนวโน้มยังคงเป็นขาขึ้น

ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์ (EUR/USD) ปรับแข็งค่าขึ้นทดสอบบริเวณ $1.1800 ก่อนที่จะปรับย่อตัวกลับมาปิดตลาดแทบจะทรงตัวเมื่อวานนี้

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก FX Street ประเมินว่า ค่าเงินยูโรยังคงอยู่ในทิศทางขึ้น แต่ถ้าหากไม่สามารถผ่านแนว $1.1800 ไปได้ ก็อาจไม่สามารถทำกำไรได้มากนัก

ทั้งนี้ หากค่าเงินอ่อนค่าหลุดระดับ $1.1690/00 ลงมา (เส้นเทรนขาขึ้นระยะสั้น) จะเป็นการล้มล้างทิศทางขาขึ้นในระยะสั้น ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินเคลื่อนไหวแบบสะสมพลังระหว่าง $1.1650 (เส้นค่าเฉลี่ยราย 20 วัน) และ $1.1700 ไปต่อสักระยะ

สำหรับเป้าหมายของทิศทางขาขึ้นวันนี้จะอยู่ที่ $1.1800 และ $1.1850

ระดับแนวรับ

แนวรับ 1: 1.1750

แนวรับ 2: 1.1720

แนวรับ 3: 1.1675

ระดับแนวต้าน

แนวต้าน 1: 1.1690

แนวต้าน 1: 1.1725

แนวต้าน 1: 1.1750

• ตัวแทนจากญี่ปุ่นและสหรัฐฯ มีกำหนดจะร่วมเจรจาทางการค้าภายในคืนวันอังคารนี้ ณ เมืองนิวยอร์กของสหรัฐฯ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าทางญี่ปุ่นอาจถูกสหรัฐฯกดดันให้ดำเนินการลดยอดเกินดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ

ทั้งนี้ นายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ จะเป็นตัวแทนการประชุมร่วมกับนายโทชิมิทสึ โมเทกิ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจแห่งญี่ปุ่น โดยมีกำหนดการเดิมสำหรับการประชุมในคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา แต่ถูกเลื่อนออกมาเป็นคืนวันอังคารนี้แทน ซึ่งจะเกิดขึ้นก่อนหน้าการเจรจาโดยตรงระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระหว่างการประชุมของบรรดาเลขาธิการแห่งองค์การสหประชาชาติ

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายร็อด โรเซนสไตน์ รองอัยการสูงสุดแห่งสหรัฐฯ และที่ปรึกษาพิเศษสำหรับการสืบสวนกรณีแทรกแซงการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 มีกำหนดการจะเจรจากันในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อตัดสินว่านายร็อดจะดำรงตำแหน่งต่อไปหรือไม่ โดยนายร็อดได้เคยส่งสัญญาณว่าเขาต้องการลาออกจากตำแหน่งในช่วงก่อนหน้านี้

• สมาคมอุตสาหกรรม DBI แห่งเยอรมนี ปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจเยอรมนีในปี 2018 ลงสู่ระดับ 2.0% จะเดิมที่ 2.25% ขณะที่การส่งออกคาดการณ์จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 3.5% จากเดิมที่ 5% ท่ามกลางปริมาณอุปสงค์ที่จะอ่อนแอลง จากความไม่แน่นอนของนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงแรงกดดันจากการเจรจา Brexit ที่ยังคงยืดเยื้อ

• พรรค Labor Party ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านอังกฤษมีกำหนดจะเปิดโหวตหลังจากที่นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษยังไม่สามารถเจรจากับทางสหภาพยุโรปได้ จึงมีโอกาสเห็นการลงประชามติครั้งที่ 2 ว่าอังกฤษควรอยู่หรือไปในอียู

ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่อังกฤษจะออกจากอียู นางเมย์ ก็ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกับทางอียูได้ ประกอบกับแผนการผูกสัมพันธ์ทางการค้าในอนาคตก็ดูเหมือนจะถูกปฏิเสธจากอียูและสมาชิกภายในพรรคของเธออยู่

ทั้งนี้ พรรค Labour ได้มีการลิสต์ 6 แบบทดสอบที่อาจยอมรับต่อข้อตกลง Brexit ได้ ประกอบไปด้วยการรับประกันความมั่นใจต่อความสัมพันธ์กับอียูจะอยู่อย่างยั่งยืน และประโยชน์ที่อังกฤษจะได้รับจากการเข้าสู่ตลาดเดี่ยว รวมทั้งสหภาพศุลกากร

• ผลสำรวจจาก Reuters คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางแห่งประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มที่จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% ในการประชุมนโยบายการเงินวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ เพื่อเป็นการควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัว และสร้างความมั่นคงให้กับค่าเงินเปโซที่ผันผวน

• นายหวัง โชเหว่ย รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แห่งประเทศจีน ระบุว่า จีนจำเป็นต้องทำการตอบโต้สหรัฐฯด้วยนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ที่รวมสินค้าในกลุ่มก๊าซธรรมชาติไปด้วย จึงอาจทำให้บรรดาผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯได้รับผลกระทบจากนโยบายตอบโต้ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นโยบายภาษีตอบโต้ของจีน อาจเป็นการสร้างโอกาสให้กับบรรดาผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายอื่นๆได้ โดยที่ออสเตรเรียถือว่าเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สำคัญที่สุดรายหนึ่งของจีน

ทั้งนี้ นายหวังยังได้ระบุอีกว่า เป็นเรื่องยากที่จะสามารถเจรจากับสหรัฐฯได้ หากสหรัฐฯยังคงมีการข่มขู่จีนด้วยการขึ้นภาษี เปรียบเสมือนการ “เอามีจ่อคอ” อยู่แบบนี้ ส่วนการเจรจาจะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ ”เจตจำนง” ของสหรัฐฯเป็นสำคัญ

• นายหวัง อี้ เจ้าหน้าที่ทางการทูตระดับสูงแห่งประเทศจีน ระบุว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน เปรียบเสมือนความพ่ายแพ้ของทั้งคู่ และการเจรจากับสหรัฐฯจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ท่ามกลางแรงกดดันและการข่มขู่ด้วยการขึ้นภาษี

• กระทรวงการต่างประเทศแห่งสหรัฐฯอนุมัติยอดขายชิ้นส่วนเครื่องบินรบรุ่น F-16 และอากาศยานทางทหารอื่นๆ สู่ไต้หวันเป็นมูลค่า 3.30 ร้อยล้าน

ขณะที่ทางการจีนออกมาแสดงความไม่พึงพอใจต่อการซื้อขายดังกล่าว โดยอ้างว่าไต้หวันอยู่ภายในพื้นที่ของประเทศจีน

• วิเคราะห์ราคาน้ำมัน WTI ทางเทคนิค: ทิศทางขาขึ้นเผชิญแนวต้านที่ $73.00

นักวิเคราะห์จาก FX Street ประเมินว่า ราคาน้ำมันระยะสั้นยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น

โดยวิเคราะห์ได้จากการเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยราย 50, 100 และ 200 วัน แต่สำหรับเส้นค่าเฉลี่ย 100 และ 200 วัน เริ่มที่จะเคลื่อนไหวแบบทรงตัว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดกำลังเริ่มสูญเสียแรงหนุนขาขึ้น ขณะที่เส้น RSI และ Stochastics เริ่มส่งสัญญาณว่าตลาดกำลังจะออกจากภาวะ Overbought

ทั้งนี้ หากราคาไม่สามารถปรับขึ้นเหนือ $73.00 ก็มีแนวโน้มที่จะย่อกลับลงมาที่บริเวณ $70.00

แนวโน้มหลัก : ขาขึ้น

แนวต้าน 1: 72.00

แนวต้าน 2: 73.00

แนวต้าน 3: 75.00

แนวรับ 1 : 71.41-63 (ระดับสูงสุด 4 ก.ย. – 13 ก.ค.)

แนวรับ 2 : 70.53 (ระดับต่ำสุด 24 พ.ค.)

แนวรับ 3 : 70.00

• ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 4 ปี ท่ามกลางประเด็นการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ รวมทั้ง

ความไม่แน่นอนอย่างเห็นได้ชัดจากกลุ่มโอเปกและรัสเซียในการเพิ่มผลผลิตเพื่อดำเนินการเพิ่มอุปทานตลาดโลก

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 0.4% ที่ระดับ 81.50 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.3% ที่บริเวณ 72.28 เหรียญ/บาร์เรล

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com