MTS Help Center

·         สำนักข่าว CNBC รายงานว่า สรุปรายงานประชุมเฟดเดือนพ.ค. ยังสะท้อนว่า เงินเฟ้อสหรัฐฯมีโอกาสฟื้นตัวสู่ระดับเป้าหมาย 2% ได้ ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังคงฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งรายงานของเฟดยังคงสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ขณะที่ข้อมูลบ่งชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อที่ผ่านมา ค่อนข้างทำให้สมาชิกเฟดมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะสามารถปรับขึ้นสู่เป้าหมาย 2% ได้ โดยโดยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ปรับขึ้น 2.0% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว และสอดคล้องกับเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ระดับ 2%

ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญก็ปรับขึ้น 1.9% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว

อย่างไรก็ดี แม้ภาพรวมเฟดจะมองเศรษฐกิจสหรัฐฯในเชิงบวก แต่สมาชิกเฟดยังมีการหารือกันถึงความเสี่ยงต่างๆที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมทั้งภาวะการขยายตัวที่ร้อนแรงเกินไป ประกอบกับความแน่นอนทางการค้า และผลกระทบจากนโยบายกระตุ้นทางการเงินสหรัฐฯ โดยเฉพาะประเด็นการค้าและการเงินอาจส่งผลกระทบต่อภาคธรุกิจได้

·         ตลาดการเงินมองโอกาสกว่า 95% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% .ในการประชุมเดือนมิ.ย. และจะขึ้นอีกครั้งในการประชุมเดือนก.ย.

·         ค่าเงินดอลลาร์ยังคงทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดรอบ 5 เดือน หลังจากที่รายงานเฟดส่วนใหญ่ยังคงบ่งชี้ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้ในเร็วๆนี้ หากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ขณะที่นักกลยุทธ์ค่าเงินบางส่วนมองว่า รายงานประชุมเฟดไม่ได้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์มากเท่าไรนัก แต่ก็ดูมีโอกาสที่ปีนี้อาจได้เห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยได้มากกว่าประมาณการณ์ไว้ หรือขึ้นดอกเบี้ยได้ 4 ครั้งในปีนี้

ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นแตะ 94.188 จุด ก่อนทราบรายงานประชุมเฟด ก่อนจะอ่อนตัวลงมาเล็กน้อย แต่ภาพรวมก็ยังปิด +0.42% ที่ระดับ 94.006 จุด

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.69% ที่ระดับ 1.1697 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ย. โดยยังคงถูกกดดันจากความกังวลทางการเมืองในอิตาลี ประกอบกับวิกฤตทางเศรษฐกิจของตุรกีที่อาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินยูโรได้

·         ความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างตัวแทนทางการค้าจากสหรัฐฯและจีน เมื่อวานนี้ ทางสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะสามารถหาข้อตกลงในการที่จะยกเลิกการคว่ำบาตรบริษัท ZTE ของจีนได้ ขณะที่ทางการจีนได้ประกาศปรับลดภาษีนำเข้ายานพาหนะลง

อย่างไรก็ตาม นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับออกมากล่าวว่า การเจรจายังคงไม่เป็นที่พึงพอใจของเขา และการที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงใดๆได้ อาจจำเป็นต้องมีการ “ปฏิรูปโครงสร้าง” ทางการค้า

·         นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยระบุว่า การเจรจา”เป็นไปได้ยาก” ที่จะประสบความสำเร็จ และการที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงใดๆได้ อาจจำเป็นต้องมีการ “ปฏิรูปโครงสร้าง”ทางการค้า

อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าจะมีข่าวดีเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศเร็วๆนี้ แต่ยังไม่ได้มีการระบุถึงรายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด

·         ทางการจีนมีแนวโน้มจะสามารถนำเข้าสินค้ากลุ่มน้ำมันและเมล็ดถั่วเหลืองจากสหรัฐฯได้มากขึ้น หลังทางการจีนมีการส่งสัญญาณให้บรรดารัฐวิสาหกิจรายใหญ่ในประเทศ ทำการอุดหนุนสินค้าจากสหรัฐฯมากขึ้น เพื่อเป็นการช่วยลดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ

ทั้งนี้ ทางตัวแทนการเจรจาของจีน ได้มีการให้สัญญากับสหรัฐฯเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าจะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มพลังงานและโภคภัณฑ์ เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามทางการค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อทั่วโลกได้

ขณะที่ทางสหรัฐฯก็กำลังดำเนินการเจรจากับจีนเพื่อให้บรรดาผู้ประกอบในสหรัฐฯสามารถเข้าถึงสินค้าเกษตรกรรมที่มีการตัดต่อพันธุกรรมจากจีนได้มากขึ้นเช่นกัน

 ·         กระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐฯ ได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดี ให้เริ่มดำเนินการตรวจสอบการนำเข้าสินค้ากลุ่มยานพาหนะ เพื่อประเมินว่าสินค้ากลุ่มดังกล่าวมีแนวโน้มจะกลายเป็น “ปัญหาต่อความมั่นคงของชาติ” หรือไม่

·         การตรวจสอบจะถูกดำเนินงานภายใต้กฏหมายมาตรา 232 ว่าด้วยเรื่องของการค้า เขียนขึ้นเมื่อปี 1962 ขณะที่สหรัฐฯมีการนำเข้าและส่งออกสินค้ากลุ่มยานพาหนะหลักๆจากประเทศญี่ปุ่น, เยอรมนี และเกาหลีใต้

·         นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เขากำลังมีแนวคิดที่จะตัดการช่วยเหลือของสหรัฐฯออกจากประเทศที่ไม่มีการดำเนินการใดๆกับกลุ่ม MS-13 องค์กรอาชญากรรมหัวรุนแรงที่พยายามลักลอบเข้าสหรัฐฯอย่างผิดกฏหมาย

·         รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า เครื่องบินรบสัญชาติสหรัฐฯ ได้ทำการโจมตีกองกำลังของซีเรียที่ประจำการอยู่จำนวน 2 แห่ง ซึ่งกองกำลังแห่งหนึ่งได้ประจำการอยู่ใกล้กับแหล่งพลังงาน T2 ห่างออกจากเส้นชายแดนของอิรักเป็นระยะทางประมาณ 100 ก.ม. ทางตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรทีส

·         รองรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือ กล่าวว่า อนาคตสำหรับการประชุมร่วมกันระหวางสหรัฐฯและเกาหลีเหนือทั้งหมดขึ้นอยู่กับสหรัฐฯ พร้อมประณามการให้สัมภาษณ์ของ นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ สำหรับกรณีที่เขานำเกาหลีเหนือไปเปรียบเทียบกับลิเบีย

·         ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะทราบผลว่าการประชุมระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือจะถูกจัดขึ้นตามกำหนดการในวันที่ 12 มิ.ย. ที่ประเทศสิงคโปร์หรือไม่

·         นายจูเซปเป คอนติ ว่าที่นายกรัฐมนตรีอิตาลี ที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาลระหว่างพรรค 5-Star-Movement และพรรคฝ่ายขวา จะมีพิธีรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของอิตาลีที่ไม่แน่นอน รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างอิตาลีและสหภาพยุโรปที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้

ท่ามกลางความกังวลดังกล่าว ส่งผลให้บรรดานักลงทุนพากันเทขายสินทรัพย์ของอิตาลีลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงตลาดวานนี้ โดยตลาดหุ้นอิตาลีปรับร่วงลงมา ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น จึงเป็นตัวบ่งชี้ถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจอิตาลี

·         ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน กำหนดเงื่อนไขให้ทางชาติมหาอำนาจในยุโรปว่าหากต้องการให้อิหร่านอยู่ในข้อตกลงนิวเคลียร์ต่อหลังจากที่สหรัฐฯได้ประกาศถอนตัวไป ทางอียูจำเป็นต้องอุดช่องโหว่ทางการค้ากับอิหร่าน รวมไปถึงการการันตียอดขายน้ำมันดิบของอิหร่าน

·         ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง หลังจากที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯออกมาเพิ่มขึ้นเกินคาด รวมไปถึงสต็อกแก๊สโซลีน และถึงแม้อุปสงค์น้ำมันจะแข็งแก่รง แต่เหล่าเทรดเดอร์ก็ยังคงกังวลต่อความเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปกจะเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้ทดแทนต่ออุปทานที่จะขาดไปจากการที่อิหร่านและเวเนซูเอล่าถูกคว่ำบาตร

น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 23 เซนต์ ที่ระดับ 79.80 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 36 เซนต์ ที่ระดับ 71.84 เหรียญ/บาร์เรล