• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 23 พฤษภาคม 2561

    23 พฤษภาคม 2561 | Economic News




·         ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากที่ปรับแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง 6 วันทำการ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวลง และกลุ่มนักลงทุนรอปัจจัยใหม่ๆที่จะมาสนับสนุนการเข้าซื้อค่าเงินดอลลาร์หลังจากที่ปรับแข็งค่าขึ้นไปกว่า 7นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.พ.


จะเห็นได้ว่า การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าเพราะได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐฯที่หนุนโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอีกจำนวน 2 ครั้งในปีนี้ ขณะที่ธนาคารกลางอื่นๆ อย่างบีโอเจก็ยังดูจะไม่ปรับเปลี่ยนมาใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน


ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลง 0.1% ที่ระดับ 93.605 จุด หลังจากไปทำ High รอบ 5 เดือนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอ่อนตัวลงจากระดับสูงสุดรอบ 7 ปี แต่ก็ยังคงอยู่เหนือระดับ 3% ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยรายงานประชุมเฟดคืนนี้ ซึ่งนักลงทุนคาดหวังว่าจะเห็นสัญญาณของเงินเฟ้อ


·         หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Forex.com กล่าวว่า ระดับสำคัญที่ต้องจับตาของค่าเงินดอลลาร์คือ บริเวณ 94 จุด ซึ่งเป็นระดับแนวต้านสำคัญในคืนนี้ ว่ารายงานประชุมเฟดจะดันให้ราคาอยู่เหนือระดับดังกล่าวได้หรือไม่ ซึ่งหากมีสัญญาณคุมเข้มทางการเงินมากขึ้น เราอาจเห็นดัชนีดอลลาร์ Break ระดับดังกล่าว และอาจเห็นโอกาสที่จะขึ้นไปเหนือ 95 จุดได้  แต่หากรายงานเฟดสะท้อนถึงการลดท่าทีคุมเข้มทางการเงินก็อาจกดดันให้ดัชนีดอลลาร์กลับลงมาแถวระดับแนวรับสำคัญ 92.5 จุดอีกครั้ง


·         ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.1% ที่ระดับ 1.1778 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางภาวะความไม่แน่นอนทางการเมืองในอิตาลี หลังพรรค 5-Start Movement และพรรคขวาจัด เสนอชื่อนาย Giuseppe Conte มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพื่อนำทีมรัฐบาลผสมของพวกเขา


·         ค่าเงินเยนแข็งค่าลง 0.1ที่ระดับ 111 เยน/ดอลลาร์ หลังจากขึ้นไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 4 เดือนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

·         เมื่อคืนนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศลอยแพแผนที่จะคิดค่าปรับกับบริษัท ZTE ของจีน ซึ่งสร้างความสับสันให้กับรัฐสภาและทีมบริหารของเขาเองที่กำลังหาวิธีผ่อนคลายการคว่ำบาตรบริษัทดังกล่าว และการเคลื่อนไหวล่าสุดของนายทรัมป์ อาจกลายเป็นการกดดันการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯเพื่อช่วยลดปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯเป็นมูลค่ากว่า 3.35 แสนล้านเหรียญ ให้ประสบความสำเร็จได้ยากลำบากยิ่งขึ้น


·         รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ข้อเสนอของสหภาพยุโรปที่ยื่นให้กับทางการสหรัฐฯ เพื่อขอละเว้นการถูกเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมที่สูงขึ้น ดูเหมือนจะไม่ได้รับความเห็นชอบจากทางสหรัฐฯ โดยข้อเสนอดังกล่าว ว่าด้วยการเปิดกว้างตลาดยุโรปให้กับสินค้าจากสหรัฐฯมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงสินค้ากลุ่มยานพาหนะ


·         นางเฮดิ ฮีทแคมป์ (Heidi Heitkamp) วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตประจำรัฐสภาสหรัฐฯคนสำคัญ ประกาศจะไม่ให้การสนับสนุนนโยบายของพรรครีพับลิกันที่จะยื่นต่อสภาคองเกรส ว่าด้วยการปฏิรูปกฎระเบียบของภาคธนาคารให้ผ่อนคลายมากขึ้


·         นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาจะเริ่มดำเนินการเขียนร่างนโยบายภาษีฉบับใหม่และยื่นต่อสภา ก่อนจะถึงเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นช่วงของการเลือกตั้งกลางวาระ ที่ทางพรรครีพับลิกันยังคงมีแนวโน้มจะสามารถครองเสียงข้างมากได้เช่นเดิม

 ·         นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า มีโอกาสสูงที่การประชุมกับทางเกาหลีเหนือจะไม่เป็นไปตามกำหนดการในวันที่ 12 มิ.ย. ณ ประเทศสิงคโปร์ ท่าทกลางความกังวลที่ว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือจะไม่ยอมอ่อนข้อต่อแนวทางการยุติอาวุธนิวเคลียร์ของนายทรัมป์

·         โฆษกรัฐบาลเกาหลีใต้ เผยว่า การเจรจาระหว่างผู้นำเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นอีกครั้งภายหลังจากวันที่ 25 พ.ค. นี้ หลังจากการฝึกซ้อมรบร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีใต้สิ้นสุดลง


·         นายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซูเอล่า สั่งปลดนักการทูตสหรัฐฯในเมืองคาราคัส เพื่อตอบโต้สหรัฐฯที่ใช้มาตรการคว่ำบาตรจำกัดทางการเงินหลังจากที่เขาถูกเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเวเนซูเอล่าอีกหนึ่งสมัย


·         ทางสภาคองเกรสได้มีการยกเลิกกฎข้อบังคับบางส่วนในกฏหมายดอดด์-แฟรงก์ สำหรับภาคธนาคาร ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารรายย่อยได้รับผลประโยชน์จากยกเลิกข้อกฏหมายในส่วนนี้ แต่ธนาคารรายใหญ่อย่างGoldman Sachs, Morgan Stanley, และ JPMorgan จะไม่ได้รับการยกเลิกกฎหมายในส่วนนี้


ยกตัวอย่างเช่น ทางสภาจะยกเลิกการคุมเข้มในเรื่องของการปล่อยเงินกู้ให้กับธนาคารที่มีการถือครองทรัพย์สินระหว่าง 5 พันล้านเหรียญ – 2.50 หมื่นล้านเหรียญ เท่านั้น


·         รายงานผลสำรวจเศรษฐกิจประจำปีของเฟด กล่าวว่า ภาคครัวเรือนในสหรัฐฯดูมีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่ภาคธุรกิจขนาดเล็กมีการหารายได้ได้มากขึ้น และคาดว่าในอีกไม่มีกี่ปีข้างหน้าจะมีการขยายตัวและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น โดยภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจขนาดเล็กถือเป็น 2 ปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสหรัฐฯไปในทิศทางเชิงบวก


·         ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น หลังจากที่มีการซื้อขายผันผวนในตลาดจากความกังวลต่อภาวะอุปทานน้ำมันในเวเนซูเอล่าและอิหร่านอาจได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตร ขณะที่เมื่อวานนี้ นายทรัมป์กล่าวไม่พอใจต่อผลเจรจาทางการค้าของสหรัฐฯและจีน


สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 35 เซนต์ ที่ระดับ 79.57 เหรียญ/บาร์เรล หรือคิดเป็นปรับขึ้น +0.44ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 11 เซนต์ คิดเป็น -0.15ที่ระดับ 72.13 เหรียญ/บาร์เรล


·         กลุ่มโอเปกมีแนวโน้มจะประกาศเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ อย่างเร็วที่สุดภายในเดือน มิ.ย. เนื่องจากกังวลว่าความตึงเครียดทางการเมืองในอิหร่านและเวเนซูเอลา อาจส่งผลกระทบถึงปริมาณอุปทานน้ำมันน้ำมันในตลาดโลก ประกอบกับการที่สหรัฐฯออกมาส่งสัญญาณว่าปริมาณอุปทานน้ำมันอาจมีสูงเกินไป


Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com