• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 21 พฤษภาคม 2561

    21 พฤษภาคม 2561 | Economic News

·         ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน หลังจากที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯเผยว่า ภาวะ Trade War ยุติลง จึงคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน

ทั้งนี้ ค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้น 0.5% ที่ระดับ 111.245 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 4 เดือน ขณะที่ดัชนีดอลลาร์วันนี้ทำ High ใหม่รอบ 5 เดือนบริเวณ 93.86 จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรยังร่วงลงต่อแตะ 1.1744 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดรอบ 5 เดือน

·         นักวิเคราะห์จาก DailyFX ชี้ ค่าเงินยุโรอ่อนค่าทำต่ำสุดรอบ 5 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ท่ามกลางนักลงทุนที่วิตกกังวลต่อภาวะตึงเครียดทางการเมืองในอิตาลี ลหังจากที่พรรขวาจัดอย่าง League และพรรค 5-Star Movement เห็นพ้องกันในการจัดรูปแบบรัฐบาลที่อาจนำไปสู่การหั่นภาษีและค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการ รวมถึงการออกจากอียู หรือแม้แต่การเสนอให้อีซีบีสิ้นสุดการถือครองพันธบัตรอิตาลีเพื่อช่วยลดหนี้สาธารณะของอิตาลี

โดยจะเห็นได้ว่า ภาวะทางการเมืองในอิตาลีได้กดดันให้ค่าเงินยูโรกลับมาเป็นทิศทางอ่อนค่าอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเม.ย. โดยร่วงลงมาหลุดต่ำกว่าบริเวณ Fibonacci Retracement 76.4% ซึ่งค่าเงินยูโรหลังหลด 1.1789 ดอลลาร์/ยูโรก็มีโอกาสกลับมาทดสอบระดับสำคัญของเส้น Fibonacci บริเวณ 1.1553 ดอลลาร์/ยูโร และถือเป็นระดับสำคัญที่เราต้องเฝ้าระวังและจับตาต่อไป

·         ในสัปดาห์ที่ผ่านมาค่าเงินยูโรดีดกลับได้เล็กน้อย  แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่จะเห็นค่าเงินปรับอ่อนค่าลงต่อ โดยสัปดาห์นี้แนวรับสำคัญของค่าเงินยูโรจะอยู่บริเวณ 1.1725 และ 1.1670 ดอลลาร์/ยูโรซึ่งเมื่อราคาลงไปบริเวณดังกล่าว มีโอกาสเห็นราคารีบาวน์กลับขึ้นไปได้ และจะเห็นได้ว่า นับตั้งแต่ที่ราคา Break กลับมาเป็นขาลงก็เห็นได้ถึงการกลับลงมาทดสอบครั้งใหญ่ของราคาทองคำแถวระดับแนวรับ

ขณะที่ในสัปดาห์นี้ เราอาจไม่เห็นค่าเงินดอลลาร์แกว่งตัวมากนัก และมีโอกาสที่เราจะเห็นราคาปรับอ่อนค่าลงมาต่อ และหากราคายังล้มเหลวหลังจากที่ปรับตกลงมาจากระดับแนวรับแต่ยังไม่น่าสนใจพอให้เกิดกำลังซื้อก็มีโอกาสเห็นค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักได้


·         นายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ภาวะสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนได้ ยุติลงเป็นการชั่วคราว” หลังจากที่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันในการเจรจาเพื่อลดความตึงเครียดจากความขัดแย้งทางการค้า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
·         อิตาลีต้องยื่นรายงานเสนอต่อคณะกรรมาธิการอียูเกี่ยวกับแผนการออกจากการอุ้มธนาคาร Monte dei Paschi (MPS) ในปี 2016 โดยจะเห็นว่าในปีที่แล้ว ทางคณะกรรมาธิการและอิตาลีบรรลุข้อตกลงในการให้การช่วยเหลือภาคธนาคาร MPS ที่ประกอบไปด้วยการปรับลดค่าใช้จ่ายอย่างหนัก และการขาดทุนสำหรับนักลงทุนบางส่วน รวมไปถึงการจำกัดค่าใช้จ่ายของผู้บริหาร

ทั้งนี้ ธนาคาร MPS ถือเป็นธนาคารขนาดใหญ่ลำดับที่ ของอิตาลี โดยมีสัดส่วน 68% ที่รัฐบาลถือครองหุ้น และภายใต้ข้อตกลงการช่วยเหลือทางการเงิน และมีกำหนดสิ้นสุดการช่วยเหลือปัญหาทางการเงินดังกล่าวในปี 2021

·         ยอดส่งออกของญี่ปุ่นขยายตัวได้อย่างรวดเร็วในเดือนเม.ย. ท่ามกลางยอดส่งออกรถยนต์ และเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้น ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นจึงช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วจากที่ปรับตัวลงในไตรมาสแรก 

โดยยอดส่งออกในเดือนเม.ย.ของญี่ปุ่นปรับขึ้น 7.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ภาพรวมยังต่ำกว่าประมาณการณ์ที่คาดว่าจะออกมาที่ 8.1% ขณะที่ในเดือนมี.ค. ยอดส่งออกอยู่ที่ 2.1%

·         สำนักข่าว Reuters เผย ทางการจีนยืนยันจะเร่งดำเนินการต่อสู้กับปัจจัยเสี่ยงภายในเศรษฐกิจโดยเฉพาะในภาคการเงินอย่างเคร่งครัด รวมถึงจะผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตได้โดยใช้นโยบายการเงินที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของอัตราดอกเบี้ยเป็นหลัก

·         รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1/2018 ที่ผ่านมา ขยายตัวได้ด้วยอัตราสูงสุดในรอบ ปี มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนมากคาดการณ์ไว้ ท่ามกลางแรงหนุนจากภาคการส่งออกและการใช้จ่ายรายบุคคลที่เพิ่มสูงขึ้น


·         ราคาน้ำมันดิบ Break ระดับสำคัญทางเทคนิคในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นมาเหนือระดับ 80 เหรียญ/บาร์เรล หรือปรับขึ้น 18.5% เมื่อเทียบรายปี และมีโอกาสเห็นราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแถว 100 เหรียญ/บาร์เรลได้

และเมื่อพิจารณาจากภาพจะเห็นว่าการที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ยืนเหนือ 80 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็ฯระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2014 ทำให้ภาพทางเทคนิคสะท้อนว่าอาจเกิดภาวะ Overheating ได้เมื่อเปรียบเทียบกับผลสะท้อนจากการวิ่งของ RSI

ในระยะสั้นเราอาจเห็นราคาน้ำมันแกว่งตัวในกรอบกลับลงมาบริเวณ 76.53  - 75.66 เหรียญ/บาร์เรล โดยระดับของ Ichimoku สะท้อนว่าการซื้อขายรายวันของน้ำมันเป็นขาขึ้น นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา

ราคาน้ำมันดิบ Break ระดับสำคัญทางเทคนิคในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นมาเหนือระดับ 80 เหรียญ/บาร์เรล หรือปรับขึ้น 18.5% เมื่อเทียบรายปี และมีโอกาสเห็นราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแถว 100 เหรียญ/บาร์เรลได้

และเมื่อพิจารณาจากภาพจะเห็นว่าการที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ยืนเหนือ 80 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็ฯระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2014 ทำให้ภาพทางเทคนิคสะท้อนว่าอาจเกิดภาวะ Overheating ได้เมื่อเปรียบเทียบกับผลสะท้อนจากการวิ่งของ RSI

ในระยะสั้นเราอาจเห็นราคาน้ำมันแกว่งตัวในกรอบกลับลงมาบริเวณ 76.53  - 75.66 เหรียญ/บาร์เรล โดยระดับของ Ichimoku สะท้อนว่าการซื้อขายรายวันของน้ำมันเป็นขาขึ้น นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา

·         ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางตลาดให้ความสนใจไปยังประเด็นภาวะสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนได้ยุติลงเป็นการชั่วคราว

ทั้งนี น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 0.4% ที่ระดับ 79.06 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 0.6% ที่บริเวณ 71.71 เหรียญ/บาร์เรล

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com