• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 12 มกราคม 2561

    12 มกราคม 2561 | Economic News


• ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นหลังรายงานอีซีบีจะทำการปรับทบทวนแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินในช่งต้นปี 2018 จึงหนุนคาดการณ์ที่ว่า อีซีบีกำลังเตรียมการที่จะลดการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน โดยค่าเงินยูรปรับขึ้น 0.77% ที่ระดับ 1.2037 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งถือเป็นระดับการปรับแข็งค่ารายวันที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ในช่วง 2 เดือน

ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงมา 0.5% ที่ระดับ 91.869 จุด หลังจากที่ร่วงลงมาทำระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ระดับ 91.787 จุด โดยดัชนีดอลลาร์ถูกกดดันหลังจากที่ข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ร่วงลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปีครึ่งในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา จากค่าใช้จ่ายในภาคบริการที่ปรับตัวลดลง ซึ่งการอ่อนตัวของเงินเฟ้อในกลุ่มการผลิตอาจสร้างความกังวลเพิ่ม เนื่องจากปัจจัยเงินเฟ้อส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ และอาจยิ่งทำให้เฟดมีท่าทีระมัดระวังต่อการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยปีนี้มากขึ้น

• ผลการประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯปรับเพิ่มขึ้นเกินคาด โดยมีคนว่างงานเพิ่มขึ้น 11,000 ราย สู่ระดับ 261,000 ราย ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ก.ย.ปีที่แล้ว แต่ภาพรวมข้อมูลคนว่างงานก็ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 รายได้เป็นสัปดาห์ที่ 149 จึงยังบ่งชี้ถึงภาวะแข็งแกร่งในตลาดแรงงาน

• นายวิลเลียม ดัดเลย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก หนึ่งในสมาชิกเฟดที่มีอิทธิพลต่อตลาดการเงินวิพากษ์วิจารณ์แผนปรับลดภาษีของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยมองว่าจะส่งผลดีเพียงระยะสั้นๆเท่านั้น และจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศในอีกหลายปีข้างหน้าต้องเผชิญกับความผันผวนมากขึ้น เพราะไม่เพียงแต่จะสร้างความเสียหายต่อเครดิตความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯแล้ว ก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายใดๆให้แก่ภาคบริษัทฯ นอกจากจะทำเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มคนร่ำรวยเป็นส่วนใหญ่

นอกจากนี้ เขายังกล่าวเตือนว่าทีมของนายทรัมป์ ทำให้สหรัฐฯเผชิญกับความไม่ยั่งยืนทางการเงิน และจะเป็นอันตรายต่อความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจสู่ภาวะขาลงได้

• รายงานล่าสุดจากเฟด ระบุว่า ทางสมาชิกวุฒิสภากำกับดูแลภาคธนาคารจะทำการโหวตเสียงสนับสนุนครั้งที่ 2 ในวันที่ 17 มกราคมนี้ เพื่อลงมติให้ นายเจอโรม โพเวลล์ มาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนต่อไป หลังจากที่โหวตเลือกไปในวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ซึ่งหากการโหวตครั้งที่ 2 นี้ นายโพเวลล์ยังได้รับเสียงสนับสนุนตามคาด ก็จะส่งผลให้ทางวุฒิสภาร่างประกาศการเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

• เมื่อคืนที่ผ่านมา ตัวแทนจากประเทศแคนาดา เม็กซิโก และสหรัฐฯ ได้จัดการประชุมเกี่ยวกับสนธิสัญญา NAFTA เป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่ต้นปี 2017 ที่ผ่านมา โดยตัวแทนจากแคนาดามีท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้นที่จะปฏิเสธข้อกล่าวหาจากสหรัฐฯ ที่กล่าวว่าสนธิสัญญา NAFTA มีความไม่ยุติธรรมกับสหรัฐฯมากเกินไปและข่มขู่จะถอนตัวออกจากสัญญาหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าพึงพอใจ

ขณะที่ นายสตีเวน มนูชิน เลขาธิการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า นายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าสหรัฐฯ ที่เป็นตัวแทนของสหรัฐฯในการเจรจา น่าจะเสนอให้มีทำการเจรจาสนธิสัญญาใหม่อีกครั้ง หรือไม่ก็ถอนสหรัฐฯออกจากสนธิสัญญาโดยสิ้นเชิง

ทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวเกี่ยวกับการเจรจาภายใต้สนธิสัญญา NAFTA ว่า เขาจะมีความ “ยืดหยุ่น” ให้กับเม็กซิโกไปก่อน เนื่องจาก เม็กซิโกกำลังจะมีการเลือกตั้งขึ้นภายในปีนี้ พร้อมระบุว่า เขาอาจบังคับให้เม็กซิโกทำการจ่ายค่าก่อสร้างกำแพงชายแดนระหว่างสหรัฐฯ-เม็กซิโก ในทางอ้อมผ่านข้อตกลงของสนธิสัญญาก็เป็นได้

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขา”อาจจะ”สามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ ถ้อยคำดังกล่าวของนายทรัมป์ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้พูดถึงเกาหลีเหนือในเชิงบวก หลังจากความตึงเครียดระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ที่ย่ำแย่ลงจากการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

• สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ความสำเร็จในการประชุมร่วมกันระหว่างเกาหลีเหนือ-ใต้ เกี่ยวกับการจัดกีฬาโอลิมปิคที่จะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ. นี้ ได้ช่วยลดความตึงเครียดเกี่ยวกับโอกาสในการทดสอบขีปนาวุธครั้งต่อไปของเกาหลีเหนือให้กับนานาประเทศทั่วโลก

อย่างไรก็ดี ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือยังคงไม่มีท่าทีที่จะยินยอมทำตามข้อเรียกร้องให้ยกเลิกการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ หรือแสดงความสนใจที่จะจัดการเจรจาร่วมกับสหรัฐฯแม้แต่น้อย จึงคาดว่าความผ่อนคลายดังกล่าวน่าจะคงอยู่ได้ไม่นานนัก

• นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กล่าวแสดงความยินดีให้กับนายมุน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ในความสำเร็จของการเจรจาร่วมกันระหว่างเกาหลีเหนือ-ใต้ ที่เกาหลีเหนือตกลงที่จะส่งตัวแทนมาเข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกที่จะจัดขึ้นในเดือน ก.พ. และยินดีที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 ประเทศผ่านทางการฑูต เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความขัดแย้งทางการทหาร

• นายสตีเวน มนูชิน เลขาธิการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ คาดว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรให้กับอิหร่าน ภายในคืนนี้ ซึ่งเป็น Deadline ของรัฐบาลสหรัฐฯที่จะตัดสินใจยกเลิกมาตรคว่ำบาตรประเทศอิหร่านที่ได้ระเมิดข้อตกลงด้านนิวเคลียร์ที่กำหนดไว้เมื่อปี 2015 หรือไม่

ทั้งนี้ หากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ผู้ที่จะได้รับผลกระทบก็คือบรรดาธุรกิจและประชาชนของประเทศอิหร่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสหรัฐนเป็นหลัก

• นายฟรังก์ วอลเตอร์ สไตน์ไมเออร์ ประธานาธิบดีเยอรมนี กล่าวเกี่ยวกับความพยายามในการเจรจาเพื่อสร้างพรรคการเมืองร่วมของนางอังเกล่า แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ว่าหากการเจรจาประสบความล้มเหลว ก็มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความตึงเครียดทางการเมืองของยูโรโซนในระดับสูง

ขณะที่นางอังเกล่า กล่าวว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของเธอยังคงมีอุปสรรคอยู่มาก ในการเจรจาเพื่อรวมพรรคกับพรรค SPD ที่ต้องการยกระดับให้ทุกประเทศในสหภาพยุโรปมีความเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น

• น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นทดสอบ 70 เหรียญ/บาร์เรล ท่ามกลาสัญญาณตึงตัวในตลาดน้ำมันดิบ จึงช่วยหนุนให้หุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 6 เซนต์ ที่ระดับ 69.26 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ขึ้นไปทำ High นับตั้งแต่ พ.ย. ปี 2014 บริเวณ 70.05 เหรียญ/บาร์เรล และภาพรวมยังคงทำระดับราคาปิดสูงสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่นับตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงปัจจุบันน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นได้แล้วกว่า 5%

ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 23 เซนต์ ที่ระดับ 63.80 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับปิดสูงสุดตั้งแต่ธ.ค. ปี 2014 

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com