• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 8 ธันวาคม 2560

    8 ธันวาคม 2560 | Economic News

  

· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นในวันนี้ ส่งผลให้ภาพรวมรายสัปดาห์ปรับตัวขึ้นได้เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ท่ามกลางการผ่านร่างแผนงบประมาณชั่วคราวของทางรัฐบาลจึงยิ่งเพิ่มมุมมองเชิงบวกต่อร่างแผนปฏิรูปภาษีที่คาดว่าน่าจะผ่านมติสภาได้ โดยดัชนีดอลลาณ์ปรับขึ้นมาแถวระดับ 93.83 จุด และส่งผลให้ภาพรวมสัปดาห์นี้ปรับแข็งค่าขึ้นได้ 1% ขณะที่ภาพรวมตลอดทั้งปียังอยู่ในทิศทางอ่อนค่าประมาณ 8.2% จากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมาประมาณ 0.1% ที่ระดับ 1.1766 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งถือเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 22 พ.ย. โดยนักลงทุนรอดูว่า นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะสามารถหาข้อตกลงสุดท้ายกับเจ้าหน้าที่จากทางไอร์แลนด์ และอียูในกรณีหลังออกจากอียูได้อย่างไร ซึ่งข้อตกลงดังกล่าว อาจนำไปสู่การขจัดอุปสรรคล่าสุดที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการเจรจาการค้าเสรีกับทางอียู ซึ่งนางเมย์ มีแนวโน้มจะเข้าพบกับ นายฌองคลอร์ด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการอียู ส่งผลให้ภาพรวมสัปดาห์นี้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมา 1.1% แต่ภาพรวมรายปียังคงอยู่ในทิศทางแข็งค่าประมาณ 12% นับตั้งแต่ช่วงต้นปี

· นักวิเคราะห์ชี้ ตลาดแรงงานสหรัฐฯมีแนวโน้มจะสามารถขยายตัวขึ้นได้อีกในเดือนพฤศจิกายน ท่ามกลางการฟื้นฟูของเศรษฐกิจหลังความเสียหายจากพายุเฮอริเคนเริ่มจางหายไป จึงเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพานโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯที่จะเปิดในค่ำคืนนี้ คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง ในเดือนพฤศจิกายนหลังจากที่ขยายตัวได้ถึง 261,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม

สำหรับอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ถูกคาดการณ์ว่าจะยังทรงตัวอยู๋ที่ระดับ 4.1% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นระดับการว่างงานที่ต่ำที่สุดในรอบ 17 ปี ขณะที่อัตรารายได้เฉลี่ยรายชั่วโมงถูกคาดว่าจะขยายตัวได้ 0.3% ในเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่ออกมาทรงตัวในเดือนตุลาคม ซึ่งจะทำให้อัตรารายได้เฉลี่ยรายปีขยายตัวสู่ระดับ 2.7% ในเดือนพฤศจิกายน จากเดิมที่ระดับ 2.4% ในเดือนตุลาคม

· บรรดานักลงทุนตลาดการเงินกำลังรอคอยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯอย่างใกล้ชิดในคืนนี้ ซึ่งมีแนวโน้มว่าการจ้างงานดังกล่าวจะขยายตัวได้ประมาณ 200,000 ตำแหน่ง ตามรายงานผลสำรวจของรอยเตอร์ส

· เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการของเฟด เพื่อเสนอให้พิจารณาปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานทดสอบ Stress test สำหรับธนาคารกลาง โดยเสนอให้มีความโปร่งใสและเพิ่มรายละเอียดของผลการทดสอบ เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถตรวจสอบและรับข้อมูลได้ง่ายขึ้น

· สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ก่อนหน้าที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะลงนามประกาศให้นครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลเมื่อวานนี้ นายทรัมป์ได้มีการเจาจรกับผู้นำของรัฐปาเลสไตน์ โดยได้ยืนยันว่าทีมบริหารกำลังดำเนินงานเกี่ยวกับมาตรการรักษาความสงบจากการประท้วงของชาวปาเลสไตน์

· สหภาพยุโรปเผย การเจรจา Brexit กับตัวแทนจากอังกฤษ สามารถดำเนินไปได้ด้วยดี และพร้อมที่จะยกระบดับการเจรจาเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปแล้ว ขณะที่การเจรจาในกรณีข้อพิพาทพรหมแดนอังกฤษและไอล์แลนด์ก็สามารถลุล่วงไปได้ด้วยดี

· รัฐบาลจีนเปิดเผยรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ โดยยอดส่งออกคิดเป็นเงินดอลลาร์เฉลี่ยรายปี ขยายตัวได้ 12.3% ในเดือนพฤศจิกายน เหนือกว่าคาดการณ์เดิมที่ระดับ 5%

สำหรับยอดนำเข้าคิดเป็นเงินดอลลาร์เฉลี่ยรายปี ขยายตัวได้ 17.7% ในเดือนพฤศจิกายน เหนือกว่าคาดการณ์เดิมที่ระดับ 11.3%

ดังนั้น ยอดเกินดุลการค้าของจีนจึงอยู่ที่ระดับ 4.021 หมื่นล้านเหรียญ เดือนพฤศจิกายน มากกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 3.5 หมื่นล้านเหรียญ

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง โดยถูกกดดันจากการปรับแข็งค่าของดอลลาร์ แม้จะมีแรงหนุนจากปริมาณอุปสงค์ของตลาดจีนปละมาตรการปรับลดกำลังผลิตของกลุ่มโอเปกก็ตาม

ทั้งนี้ น้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 0.2% ที่ระดับ 56.58 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง 0.1% ที่ระดับ 62.12 เหรียญ/บาร์เรล


Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com