• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560

    16 พฤศจิกายน 2560 | Economic News


ภาพในบรรทัด 2

· ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่หลังจากที่ข้อมูลเงินเฟ้อส่งสัญญาณการปรับตัวขึ้น ประกอบกับข้อมูลยอดค้าปลีกที่เพิ่มสูงขึ้นในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา จึงหนุนกระแสคาดการณ์โอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

· นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก TD Securities กล่าวว่า โดยภาพรวมค่าเงินดอลลาร์ตอบรับกับข้อมูลเศรษฐกิจ โดยเฉพาะข้อมูลเงินเฟ้อที่ดูเหมือนจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในขณะนี้และมีการฟื้นตัวขึ้น และนี่ถือเป็นเหตุผลที่เพียงพอต่อการที่เราจะเห็นเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในกาปรระชุมเดือนหน้า

อย่างไรก็ดี ภาพรวมการแข็งคาของดอลลาร์เป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากยังคงกังวลต่อการผ่านร่างภาษีของสหรัฐฯ

· ดัชนีดอลลาร์ปรับลง 0.03% แถวระดับ 93.801 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 93.856 จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงประมาณ 0.02% ที่ระดับ 1.1794 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ทำระดับแข็งค่าบริเวณ 1.186 ดอลลาร์/ยูโร

· ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ พบว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยายตัวได้ตามคาดในเดือนต.ค. ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของค่าเช่าที่อยู่อาศัยและราคาสินค้าในกลุ่มสุขภาพ จึงช่วยหนุนมุมมองว่า แนวโน้มการอ่อนตัวล่าสุดของเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นน่าจะช่วยสิ้นสุดความกังวลของเฟดในประเด็นดังกล่าว

ทางด้าน Core CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดแรงกดดันเงินเฟ้อ ก็มีการขยายตัวสูงขึ้น และอาจทำให้สมาชิกเฟดคลายความกังวลต่อแนวโน้มการอ่อนตัวของเงินเฟ้อได้ และอาจสะท้อนให้เห็นว่าการอ่อนตัวที่เกิดขึ้นนั้นมาจากปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น

· การปรับตัวขึ้นเกินคาดของข้อมูลยอดค้าปลีกประจำเดือนต.ค. ของสหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณของอุปสงค์ที่ทรงตัว ขณะที่กลุ่มผู้บริโภคในสหรัฐฯได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 นี้ และบ่งชี้ถึงภาวะทรงตัวในการจ้างงาน มูลค่าสินทรัพย์ต่างๆที่เพิ่มขึ้น และภาวะเงินเฟ้อที่ต้องขึ้นอยู่กับการใช้จ่ายของผู้บริโภค

· นายอีริค โรเซ็นเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวว่า การปรับตัวลงของอัตราการว่างงาน และความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สะท้อนให้เห็นว่าสภาพเศรษฐกิจมีอัตราการขยายตัวได้ดี ซึ่งเฟดควรตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง อันหมายรวมไปถึงการประชุมเดือนหน้านี้ ขณะที่การอ่อนตัวของเงินเฟ้อนั้น ประธานเฟดสาขาบอสตันมองว่าเกิดจากปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น


· ร่างนโยบายปฏิรูปภาษีของสมาชิกวุฒิสภารีพับลิกัน ดูเหมือนจะประสบกับอุปสรรคอีกครั้ง หลังรายงานจาก Reuters ระบุว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันจำนวน 2 คน ซึ่งก็คือนายรอน จอห์นสัน และนางซูซาน โคลลิน ซึ่งเป็นส.ว.จากพรรครีพับลิกันทั้งคู่ แสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายภาษีดังกล่าว

ทั้งนี้เป็นเพราะว่า ทางรีพับลิกันมีจำนวนที่นั่งในสภา เมื่อเทียบกับพรรคเดโมแครตที่จำนวน 52 – 48 ที่นั่ง ดังนั้น หากรีพับลิกันสูญเสียเสียงสนับสนุนเพียงแค่ 2 เสียง ก็จะส่งผลให้การผลักดันนโยบายภาษีต้องหยุดชะงักลงอีกครั้ง

นายจอร์น แมคเคน ส.ว.พรรครีพับลิกัน และนางแจน ชาฮีน ส.ว.พรรคเดโมแครต เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้ส่งจดหมายถึงนายเร็กส์ ทิลเลอสัน เลขาธิการกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ เพื่อกดดันให้นายเร็กส์เร่งหาคำอธิบายถึงการระงับการจ้างงานเข้าสู่กระทรวงต่างประเทศ เนื่องจากอาจเป็นปัจจัยส่งผลให้สหรัฐฯสูญเสียอำนาจทางการฑูตลง ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวข้อที่สภาคองเกรสกำลังกังวลกันอยู่ในปัจจุบัน

· นักวิเคราะห์ชี้ นโยบายปฏิรูปภาษีของส.ว.รีพับลิกัน ที่ระบุว่าจะยกเลิกการจ่ายภาษีสำหรับรัฐและรัฐบาลท้องถิ่น อาจส่งผลให้ภาคการปกครองดังกล่าวจำเป็นต้องเทขายพันธบัตรที่มีมูลค่ารวมกว่าพันล้านเหรียญ เนื่องจากการขาดรายได้ภายใต้นโยบายภาษี


· นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยังคงประสบเสียงต่อต้านจากบรรดาสมาชิกในรัฐสภา ในการประชุมใหญ่เกี่ยวกับนโยบาย Brexit ของนางเมย์ ซึ่งดำเนินการติดต่อกันมาถึงวันที่2 แล้ว

พรรคอนุรักษ์นิยมของนางเมย์ยังคงมีท่าทีเสียเปรียบ เนื่องจากการที่ไม่สามารถครองเสียงข้างมากได้อย่างเด็ดขาดจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้บรรดาส.ส.เริ่มไม่เชื่อมั่นในความสามารถในการบริหารประเทศของเธอ ซึ่งไม่เว้นแม้แต่สมาชิกจากพรรคอนุรักษ์นิยมของเธอเองก็ตาม

ทั้งนี้ ความพยายามที่จะผลักดันนโยบาย Brexit ทุกๆครั้งที่ผ่านมาของพรรคอนุรักษ์นิยม ก็ได้รับการปฏิเสธจากเสียงข้างมากในสภามาโดยตลอด ขณะที่การประชุมใหญ่ในเดือนหน้าจะเป็นหัวข้อเกี่ยวกับช่วงเวลาที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลดลงติดต่อกัน 4 วันทำการ หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฐฯเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นเกินคาด รวมไปถึงสต็อกแก๊สโซลีน แต่การเพิ่มขึ้นของปริมาณการกลั่นน้ำมันและการปรับตัวลงของแก๊สธรรมชาติได้ช่วยให้ราคารีบาวน์กลับขึ้นมาได้เล็กน้อยจากระดับต่ำสุด

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 32 เซนต์ ที่ระดับ 55.42 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 19 เซนต์ ที่ระดับ 62.02 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ร่วงลงไปกว่า 1.5% เมื่อวันอังคาร ซึ่งถือเป็นการร่วงลงระดับวันมากที่สุดในรอบเดือน


Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com