• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560

    16 พฤศจิกายน 2560 | SET News


· ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 138.19 จุด หรือคิดเป็น -0.59% ที่ระดับ 23,271.28 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิด -0.47% ที่ระดับ 6,706.21 จุด ทางด้านดัชนี S&P500 ปิด -0.55% ที่ระดับ 2,564.62 จุด

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลงเมื่อวานนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับร่วงลงต่อเนื่อง 4 วันทำการ จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ขณะเดียวกันตลาดก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการผ่านร่างแผนปฏิรูปภาษี หลังจากที่วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันเปิดเผยข้อเสนอต่อแผนดังกล่าว

· รายงานจาก Wall Street Journal ระบุว่า นายรอน จอห์นสัน สมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกัน แสดงความไม่เห็นด้วยต่อข้อเสนอแผนปฏิรูปภาษี ขณะเดียวกัน นางซูซาน คอลินส์ สมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกันก็กล่าวเตือนว่า ผู้เสียภาษีชนชั้นกลางอาจได้รับผลกระทบจากการปรับลดภาษีด้วยการจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพที่สูงขึ้น หากร่างภาษีฉบับล่าสุดมีการยกเลิกนโยบายObamacare

ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของสองสมาชิกสำคัญของพรรครีพับลิกันอาจทำให้แผนภาษีไม่สามารถผ่านได้ตามที่พรรครีพับลิกันส่วนใหญ่คาดหวัง เพราะอาจขาดเสียงสนับสนุนในเวลานี้ไปถึง 2 เสียง ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์มองว่าการปรับลดภาษีนิติบุคคลสู่ระดับ 20% จากระดับ 35% ในปัจจุบัน มีแนวโน้มจะเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับตลาดหุ้นให้ปรับตัวขึ้น

· หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดยุโรปร่วงลงจากแรเทขายทำกำไร จึงทำให้ราคาลงไปทำระดับต่ำสุดในรอบ 8 สัปดาห์ และเป็นการร่วงลงต่อเนื่อง 7 วันทำการ ขณะที่หุ้นบริษัท Airbusฟื้นตัว หลังได้รับชัยนะจากข้อตกลงการบินเป็นประวัติการณ์


ภาพในบรรทัด 3


· ตลาดหุ้นเอเชียชะลอตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิด +0.52% โดยเป็นการปรับขึ้นหลังจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 6 วันทำการ หลังได้รับอานิสงส์จากหุ้นกลุ่มการเงิน หุ้นค้าปลีก และหุ้นบริษัทเทคโนโลยีบางส่วนที่ปรับตัวขึ้น

· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.80-33.08 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่เงินบาทเมื่อวานนี้ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องจากที่ดอลลาร์อ่อนค่าลง ที่สำคัญคือ เงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นเพราะตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวของฝั่งยูโรโซนออกมาค่อนข้างดี อย่างไรก็ดี วันนี้ต้องติดตามว่าเงินบาทจะแข็งค่าหลุดระดับ ที่ 33.00 บาท/ดอลลาร์ไปได้หรือไม่ เพราะหากหลุดลงไปก็จะถือว่าเป็นการแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 3 ปี

· นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มองว่า ปี 2561 ถือเป็นปีแห่งโอกาสของประเทศ เนื่องจากเชื่อมั่นว่า หากทุกภาคส่วนร่วมมือกับรักษาระดับการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปีหน้าให้อยู่ที่ระดับ 4-5% ก็จะเห็นเศรษฐกิจที่สดใสกว่าปีนี้ โอกาสสำหรับประเทศไทยในปีหน้าจะต้องเร่งดำเนินการใน 3 ส่วน คือ 1.การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย2.การเดินหน้าในลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ และ 3.การเตรียมความพร้อมเข้าสู่โลกยุคดิจิทัล

ขณะที่การประเมินแนวโน้ม GDP ในปี 60 หลายหน่วยงานมีความเห็นสอดคล้องกันว่ามีโอกาสที่ GDP ของไทยในปีนี้จะเติบโตได้ 3.8%

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com