ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังจากที่ตลาดหุ้นกลับมามีเสถียรภาพ ท่ามกลางการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ ที่กระตุ้นให้นักลงทุนมีความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง โดยดัชนีดอลลาร์เช้านี้ปรับตัวขึ้น 99.10
ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเช้านี้บริเวณ 1.0864 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.0875 ดอลลาร์/ยูโร เช้านี้ค่าเงินเยนปรับขึ้นมา 118.06 เยน/ดอลลาร์, ค่าเงินหยวนทรงตัวในทิศทางอ่อนค่าบริเวณ 6.5802 ดอลลาร์/หยวน และค่าเงินบาทเช้านี้ปรับอ่อนค่าขึ้นมาเล็กน้อย 36.30 บาท/ดอลลาร์
ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ พบว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานรายสัปดาห์ออกมาแย่กว่าที่คาดไว้ โดยมีผู้ขอรับสวัสดิการเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 284,000 รายอย่างไรก็ดี จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ก็ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 รายต่อเนื่องกันเป็นสัปดาห์ที่ 45 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1973 จึงยังบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน
ขณะที่ดัชนีราคานำเข้าสินค้าประจำเดือนธันวาคมของสหรัฐฯออกมาดีขึ้นกว่าที่คาดเล็กน้อยที่ระดับ -1.2% แต่ยังคงเพิ่มขึ้นจากเดิม และเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์และการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ
นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ระบุว่า การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบอาจส่งผลกระทบต่อการบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อของเฟดที่ระดับ 2% และอาจส่งผลให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน ซึ่งเฟดยังไม่มีแนวโน้มจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือนนี้ เนื่องจากเฟดจะรอข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะเข้ามาก่อนการประชุมในเดือนมีนาคม
รายงานการประชุมประจำเดือนธันวาคมของอีซีบี พบว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป เกี่ยวกับความรุนแรงของผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนและตลาดเกิดใหม่ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจยูโรโซน ซึ่งความคิดเห็นที่แตกต่างกันจึงส่งผลให้มติในที่ประชุมเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่เคลื่อนไหวมากตามที่ตลาดคาดการณ์กันไว้
น้ำมันดิบ WTI ปิด +2.4% ที่ระดับ 31.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด +2.4% เช่นกัน ที่ระดับ 31.03 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากการช้อนซื้อเก็งกำไรของกลุ่มนักลงทุน หลังจากที่ราคาปรับตัวลดลงอย่างหนักในวาระการซื้อขายก่อนหน้า ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่ผ่านมาของสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
รายงานล่าสุดสำนักงานตำรวจอินโดนีเซีย ระบุว่า เหตุการณ์มือระเบิดพลีชีพและกลุ่มมือปืนที่ก่อการร้ายในกรุงจากาตาร์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอินโดนีเซีย ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และบาดเจ็บนับสิบนั้น เป็นฝีมือของกลุ่ม IS และนับเป็นครั้งแรกที่กลุ่มก่อการร้ายดังกล่าวโจมตีประเทศที่มีชาวมุสลิมเป็นจำนวนมากที่สุดของโลกอย่างไรก็ดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปรับตัวลงกว่า -1.4% ทันทีเมื่อวานนี้